การเก็บรักษาเมล็ดพันธุ์ผักอย่างถูกวิธีไม่เพียงช่วยให้เมล็ดยังคงความงอกสูง แต่ยังช่วยยืดอายุการเก็บไว้ใช้ในอนาคตได้อีกด้วย เทคนิคต่อไปนี้จะช่วยให้คุณมั่นใจได้ว่าเมล็ดที่ปลูกจะเติบโตแข็งแรง
1) ปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อการเก็บเมล็ด
- อุณหภูมิ: ยิ่งอุณหภูมิต่ำ ความสามารถในการงอกจะยิ่งคงอยู่นาน
- ความชื้น: เมล็ดไม่ควรเก็บในสภาพชื้นเกินไป เพราะเชื้อราและแมลงจะทำลายได้
- แสง: เก็บในที่มืด หลีกเลี่ยงแสงแดดโดยตรง
- อากาศ: การเก็บในภาชนะปิดสนิทช่วยชะลอการเสื่อมคุณภาพ
2) ภาชนะที่เหมาะสำหรับเก็บเมล็ด
ภาชนะ | ข้อดี | ข้อควรระวัง |
---|---|---|
ขวดแก้วฝาปิดสนิท | ป้องกันความชื้นและแมลงได้ดี | ควรเก็บในที่เย็น ไม่โดนแดด |
ซองกระดาษคราฟท์ | ระบายอากาศได้ดี ราคาถูก | ควรเก็บในกล่องกันชื้นหรือภาชนะปิดอีกชั้น |
ถุงซิปล็อก + ซองกันชื้น | สะดวก ประหยัดพื้นที่ | ห้ามเก็บในที่ร้อนชื้น |
กล่องพลาสติกปิดสนิท | ทนทาน เคลื่อนย้ายง่าย | ควรใส่ซองกันชื้นร่วมด้วย |
3) เทคนิคการเก็บเมล็ดให้นานขึ้น
- ทำให้เมล็ดแห้งสนิท: ความชื้นที่เหลืออยู่ในเมล็ดเป็นตัวการหลักที่ทำให้เมล็ดเสื่อมเร็ว
- ใช้สารดูดความชื้น: เช่น ซิลิก้าเจล หรือถุงข้าวสารอบแห้ง
- เก็บในตู้เย็น: อุณหภูมิ 4–10°C เหมาะกับการเก็บระยะยาว
- เขียนฉลาก: ระบุชนิดพันธุ์และวันที่เก็บ เพื่อวางแผนเพาะปลูก
💡 เคล็ดลับ: สูตรจำง่าย ๆ สำหรับเก็บเมล็ด: อุณหภูมิ (°C) + ความชื้นสัมพัทธ์ (%) ≤ 100 จะช่วยยืดอายุเมล็ดได้ดีที่สุด
4) การทดสอบความงอกของเมล็ดก่อนเพาะ
หากเก็บเมล็ดไว้นาน ควรตรวจสอบก่อนเพาะจริง โดยวิธีทดสอบง่าย ๆ คือ:
- นำเมล็ด 10–20 เมล็ด วางบนกระดาษทิชชู่ชื้น
- ห่อและใส่ในถุงพลาสติกปิด loosely
- เก็บในที่อบอุ่น รอ 5–7 วัน แล้วนับจำนวนเมล็ดที่งอก
หากอัตราการงอกต่ำกว่า 70% ควรเพิ่มปริมาณเมล็ดเพาะ หรือหาเมล็ดใหม่แทน
สรุป
การเก็บเมล็ดพันธุ์ที่ถูกวิธีคือกุญแจสำคัญที่จะทำให้คุณมั่นใจได้ว่าผักที่เพาะจะเติบโตแข็งแรงและได้ผลผลิตที่ดีเสมอ ด้วยการควบคุมอุณหภูมิ ความชื้น และการใช้ภาชนะที่เหมาะสม เมล็ดพันธุ์ของคุณก็จะยังคงคุณภาพและอัตราความงอกสูงแม้เก็บไว้นานหลายปี